วันพุธที่ 10 ธันวาคม 2551
การฟังและการพูดของเด้ก
เด้กมีโอกาสได้ยินแม่พูด แม้ว่ายังพูดไม่ได้
เด็กจำเป็นต้องได้ยินได้ฟังภาษาพูดก่อน ยิ่งได้ฟังมากจะเข้าใจชัดเจนขึ้นและเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น
การเรียนรู้วิธีพูดประโยคยาวๆ ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาอย่างรวดเร็วขึ้น
เด็กวัย 2 -3 ขวบ การพูดของแม่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาที่ดี การสนทนา การซักถาม
เกี่ยวกับชีวิตประจำวันเป็นสิ่งจำเป็นในการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนภาษา
การอ่านและการเขียน
การอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นในการให้โอกาสเด้กเรียนรู้เพื่อพัฒนาภาษาเขียน
ขณะที่อ่านควรชี้นิ้วตามตัวหนังสือประกอบไปด้วย ทำให้เด็กเรียนรู้กฏเกณฑ์ทุกขั้นตอน สิ่งที่สำคัญคือ
การให้เด็กเรียนรู้เพื่อพัฒนาภาษาเขียน ขณะที่อ่านควรชี้นิ้วตามตัวหนังสือประกอบไปด้วย ทำให้เด็กเรียนรู้
กฏเกณฑ์ทุกขั้นตอน สิ่งที่สำคัญคือการให้เด็กเรียนรู้ที่จะเข้าใจประเด็นในเรื่องที่อ่านว่าสิ่งที่ประกอบกันขึ้นทั้งหมด
คือองค์รวมที่เป็นเนื้อาหที่นำเสนอระบบการคิดผ่านไวยากรณ์และความเกี่ยวพันของภาษาเขียนกับชีวิตจริง
จึงกล่าวได้ว่า การเขียนหมายถึงการสื่อสาร เพื่อแสดงความคิดความรู้สึกออกมาอย่างมีความหมาย
การเขียนและการอ่านจะดำเนินไปพร้อมกัน เนื่องจากการเป็นนักเขียนที่ดีได้นั้นต้องอาศัยการอ่านที่แตกฉานในเรื่องนั้นๆ
ส่วนการฝึกฝนให้เด็กเขียนหนังสือนั้น ครูต้องตระหนักว่าการฝึกเขียนที่ให้ลอกเลียนแบบ โดยเด็กไม่ได้ใช้ความคิด
แต่เป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือ หรือฝึกเฉพาะความสวยงามของลายมือนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง กับการเขียนที่มาจากความคิด
ภาษาที่ได้จากการฝึกคิอและถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นภาษาสัญลักษณ์ คือ ตัวอักษรอย่างธรรมชาติจากการได้ฟังมากได้อ่านมาก
จนสามารถถ่ายทอดเองได้ และมาฝึกฝนความถูกต้องสวยงามภายหลังส่วนการอ่านนั้นสามาถทได้ตลอดเวลาด้วยการอ่านจากหนังสือ
จากถนน จากสิ่งรอบตัวจากป้ายโฆษณา จากถุงขนม ความรู้ของเด็กจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อเด็กได้รับโอกาสในการทำกิจกกรรมที่เกี่ยวกับการอ่านร่วมกับผู้ใหญ่
และกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้อ่านเงียบๆตามลำพัง การอ่านกับเพื่อนเป็นคู่ เป็นกลุ่มย่อย เพื่ออภิปรายร่วมกัน ในการรับฟัง และตรวจสอบความคิดความเข้าใจ
ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการอ่านจากสิ่งที่ครู - เด็ก เขียนร่วมกัน หรือสิ่งที่เด็กเขียนขึ้นเอง นับได้ว่าเป็นการอ่านที่ดีที่สุดของเด็ก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น